วันพุธที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2560

เพราะกรรมมีจริง

เพราะกรรมมีจริง
สุพล มังกร


 เมื่อหลายปีที่แล้ว ผมค้าขายอยู่ที่จันทบุรี ที่ๆผมวิ่งไปรับผลไม้มาค้าขายนั้นเป็นสวนของเพื่อนของผมเอง ซึ่งเราทำการค้าขายต่อกันมาหลายปีแล้ว จนผมค่อนข้างจะสนิทกับครอบครัวเพื่อนคนนี้ดี
เพื่อนของผมคนนี้ชื่อว่า ดำดำเป็นเจ้าของสวนทุเรียนและมังคุด เงาะ ขนาดใหญ่ ผลไม้ของดำนั้นเรียกได้ว่าสวย ขายได้ราคาดี บ้านของดำประกอบด้วย ฝนผู้เป็นภรรยา และ นพลูกชายคนโตวัยสิบหก และ นาวน้องสาวคนเล็กวัยสิบขวบ
จากที่ผมได้รู้จักกับดำ จึงได้รู้ว่าดำนั้นเป็นคนรัก ครอบครัวมาก ออกจะมากเกินไปด้วยซ้ำ เพราะไม่ว่าครอบครัวของเขาจะทำผิดทำถูกอย่างไรก็ตาม ดำต้องเข้าข้างลูกเมียของเขาไว้ก่อน ด้วยอุปนิสัยอย่างนี้จึงทำให้ลูกๆ ของเขามีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง โดยเฉพาะนพลูกชายคนโตที่มีนิสัยเอาแต่ใจหยาบคาย ใครว่า ใครแตะอะไรไม่ได้ โดยเฉพาะเกี่ยวกับ เรื่องการซิ่งรถ ซึ่งดำไม่เคยว่าอะไรลูกชายเขาเลย
หลายครั้งที่ขับไปเฉี่ยวชนคนอื่น ทำตัวเป็นพวกกวนเมือง แต่ดำก็คอยแก้ตัวแทนลูกเสมอ แถมยังด่าคนที่มาแจ้งตำรวจอีกว่าโกหก หาว่าเขาอยากได้เงินของตัวเอง ทั้งๆ ที่เขาเดือดร้อนจริงๆ และเขาเองก็รู้ดีแก่ใจว่าใครเป็นคนโกหกกันแน่ แม้ผมจะเตือนเขา แต่เขาก็ไม่เคยปรับเปลี่ยนนิสัยข้อนี้เลย จนกระทั่งวันหนึ่งผมก็โดนฤทธิ์เดชนี้ด้วยตัวเอง
นับเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายอีกเรื่องหนึ่งของผม ในการที่ต้องขับรถคนเดียวดึกๆ ดื่นๆ แทนที่จะได้พักผ่อนอยู่ภายใต้ที่นอนอันอบอุ่น แต่คนค้าคนขายอย่างผมเวลาคือเงินทอง และการขับรถไปมาระหว่างจังหวัดก็ถือเป็นเรื่องปกติ อย่างคืนนี้ ผมขับรถปิกอัพบรรทุกผลไม้เต็มอัตรา เพื่อที่จะนำไปส่งขายในตอนเช้า
อันที่จริงผมควรจะออกจากจังหวัดจันทบุรี (ที่ผมไปรับผลไม้มาจากสวน) มาตั้งนานแล้ว หากแต่มันมีเหตุ ให้รถผมเกิดเสียกระทันหันและเสียเวลาซ่อมนานโข เป็นผลให้ผมต้องมาขับรถในเวลาเกือบๆ ตีสามอย่างนี้
ผมขับรถมาเรื่อยๆ ไม่ได้เร็วอะไรนัก ตามนิสัย ประกอบกับเส้นทางที่ผมใช้สภาพถนนไม่ค่อยดี ผมจึงค่อยๆ ขับ แต่ต้องยอมรับว่าข้อดีของการขับรถในเวลาดึกๆ คือไม่ค่อยจะมีรถอื่นเท่าใดนัก
เช่นคืนนี้ ถนนทั้งสายเงียบสงัด
ปรี๋นนนน!!!! เสียงแตรแหลมเล็กดังแสบแก้วหู พร้อมกับที่ดวงไฟสองดวงปรากฏไล่ตามรถผมมาอย่างกระชั้นชิด
ปรี๊นนนน!!!! เสียงแตรนั้นดังซ้ำ พร้อมเสียงเร่งเครื่องยนต์แสบแก้วหู และดวงไฟสองดวงนั้นก็แยกกันแซงผมขึ้นไปคันละข้างอย่างเร็ว
โอ้ย! ไอ้เด็กแว้นเด็กเวรพวกนี้ นึกว่าเท่ห์ตายละ ไอ้พวกกวนเมือง
ผมสบถตามออกไปด้วยความเคือง แถมบีบแตรตามหลังเจ้าพวกนั้นไปโทษฐานที่ทำให้ผมตกใจ นึกในใจว่ามันจะใช่พวกของนพลูกชายของเพื่อนผมหรือไม่ คิดแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา ถ้าลูกผมมาทำตัวอย่างนี้ ผมคงจับล่ามโซ่ไว้จนกว่าจะเข็ดหลาบเป็นแน่ ผมไม่เคยคิดเลยว่า การตกใจในครั้งนั้นมันจะเป็นปฐมบทของความเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น
ผมนึกว่าเหตุการณ์ต่างๆ จะสงบเหมือนเดิม แต่ผมคิดผิด เมื่ออยู่ๆ ดวงไฟสองดวงก็กลับมาไล่ตามท้ายรถผมอีกครั้ง เสียงเครื่องยนต์ดัดแปลงดังขึ้นจนแสบแก้วหู มอเตอร์ไซด์สองคันนั้นนั่นเอง ทั้งสองคันขับฉวัดเฉวียนปาดหน้าปาดหลังผมอย่างไม่ประสงค์ดี
เอาละวา นี่ผมกำลังโดนคุกคามจากเด็กแว้นสองคนหรือไงนะ แต่ผมคิดผิด เมื่อพบว่ายังมีดวงไฟจากรถมอเตอร์ไซค์อีกห้าคันไล่ตามมา ไม่แน่มันอาจจะมีปืนด้วยก็ได้ ผมพยายามมองคนขับมอเตอร์ไซด์ทั้งสองอย่างสังเกต ทั้งสองคนขับรถที่ถูกตกแต่งมาเพื่อใช้แข่งโดยเฉพาะ คนหนึ่งสวมเสื้อยีนส์สีซีด กางเกงยีนส์ขาดๆ ส่วนอีกคนใส่กางเกงหนังสีดำ เสื้อยืดสีดำ ทั้งสองใส่หมวกกันน็อกไว้
แต่น่าแปลก ทั้งที่ตรงนั้นมีไฟสว่างพอสมควร และผมก็เห็นรายละเอียดต่างๆ ได้ ใบหน้าของทั้งสองดูคุ้นเคยภายใต้หมวกกันน็อกนั้น ตอนแรกผมไม่ได้เอะใจอะไร แต่ทว่าไม่นานนักผมก็ได้รู้ว่าเพราะอะไรทั้งสองนั้นจึงเล่นงานรถของผมเอาเป็นเอาตาย
มอเตอร์ไซด์สองคันนั้น ยังคงขับปาดซ้ายปาดขวาอย่างน่าหวาดเสียว ผมเองพยายามประคองรถไม่ให้ลงข้างทางไปเสียก่อน สายตาก็พยายามหาว่าแถวนี้พอจะมีปั๊มหรือป้อมตำรวจที่พอจะช่วยผมบ้างได้หรือไม่ แต่ยังไม่ทันที่สมองจะสั่งการอันใด
เปรี๊ยะ!!!! เพล้งงงง!!!!
เสียงกระจกหน้ารถของผมแตกออก เศษกระจกปลิวกระจายจากฝีมือตีไม้เบสบอลของหนึ่งในสองนั้นในทันที ผมตกใจเหยียบเบรกกะทันหัน ทำให้รถหมุนคว้างอยู่กลางถนน เดชะบุญที่ตอนนั้นไม่มีรถผ่านมา แต่เจ้ารถมอเตอร์ไซด์นั่นยังไม่ปล่อยผม มันทั้งคู่ยังมาขับวนเวียนเอาไม้มาตีที่รถของผมอย่างบ้าคลั่งจนรถของผมบุบไปหลายแห่ง
ฮ่าๆๆๆเสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นอย่างอย่างชอบใจ แล้วอยู่ๆ มันทั้งสองคนก็ขับรถมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม แล้วค่อยๆ ถอดหมวกกันน็อกออก และสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็ทำเอาผมช็อก เมื่อภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าผมขณะนี้ ชายคนที่ใส่เสื้อยีนส์กำลังยืนถือหมวกกันน็อกอยู่ มันคือนพนั่นเอง และที่สำคัญเขาประกาศตัวออกมาเลยว่าเขาต้องการจะทำร้ายผม
ไง...ไอ้แก่ เสือกเรื่องของคนอื่นดีนัก อยากจะจับกูล่ามโซ่เหรอ มาสิ...มีปัญญาหรือเปล่า?” นพถามอย่างเย้ยหยัน
มึงไม่รอดหรอกวันนี้...กูจะเอามึงให้ตายเลย ไอ้แก่จอมเสือก!
ก่อนที่มันจะเริ่มขับรถวนเวียนรอบๆ ผมอีกครั้ง นาทีนั้นผมบอกกับตัวเองทันทีเลยว่า
หากอยู่อย่างนี้ผมต้องตายแน่
ผมจึงตัดสินใจเหยียบรถเดินหน้าอย่างเร็ว เพื่อเร่งหนีรถปีศาจในคราบมนุษย์พวกนั้น ผมพยายามตั้งสตินึกถึงพระพุทธคุณเข้าไว้ เมื่อรู้ว่าสิ่งที่ผม ต้องเผชิญหน้าอยู่นี้ไม่ใช่เพียงการคิดทำร้ายร่างกาย แต่มันเป็นการคิดจะเอาชีวิตชัดๆ ผมคิดแล้วเร่งความเร็วเพื่อคิดจะเร่งหนีให้ทัน แต่มันก็ไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อแก๊งค์เด็กนรกนั่นยังตามพัวพันกับผมไม่หยุด
โว้ยยย...จะเอายังไงกันวะ
จากความกลัวเริ่มเป็นความโกธร โทสจริตเริ่มครอบงำ ในขณะที่เสียงหัวเราะของเจ้าพวกนั้นเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ สองข้างทางมีแต่ต้นไม้และความมืดมิด ในนาทีนั้นผมรู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก ทำไมไม่มีใครสนใจผมเลย ทำไมผมต้องเผชิญกับเหตุการณ์เลวร้ายตามลำพัง เสมือนโลกนี้มีเพียงผมคนเดียวเท่านั้นที่ต้องจมอยู่กับความมืดมิด แต่แล้วอยู่ๆ จิตใจผมก็กลับรู้สึกบ้าบิ่นจนยากจะควบคุม
ชนมัน...ชนพวกมันให้แหลก
เสียงหนึ่งก้องกังวานอยู่ในหัว ขณะที่รถมอเตอร์ไซด์พวกนั้นวิ่งนำหน้าผม
ชนเลย...ชนเลย...
เสียงในหัวดังขึ้นอีก ในขณะที่รถของผม เข้าใกล้พวกเด็กแว้นมากขึ้นทุกที
ชนแน่...ชนฉับพลันนั้น ผมก็นึกถึงหน้าลูกเมียขึ้นมา ทำให้ผมหักรถหลบกะทันหัน
เอี๊ยดดดด!!!!! อีกครั้งที่รถของผมต้องหมุนคว้างด้วยแรงเบรกกะทันหัน ก่อนจะจอดนิ่งอย่างสงบ ทั้งที่เหลืออีกแค่นิ้วเดียวก็จะตกลงข้างทาง ผมนั่งใจสั่นในรถอยู่นานทำอะไรไม่ถูก ตกลงเมื่อกี๊เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมนั่งอยู่ไม่นานก็มีคนหลายคนวิ่งมาที่รถ
พี่...เป็นอะไรหรือเปล่าพี่?”
หลายเสียงหลายคนพากันถามเซ็งแซ่ ผมเริ่มตั้งสติและมองไปรอบๆ ก็ทำให้ผมเกิดความงุนงงขึ้นอีกครั้ง เมื่อผมพบว่าห่างออกไปไม่มากนักมีปั๊มน้ำมันตั้งอยู่ ทั้งที่เมื่อครู่ผมไม่เห็นแม้แต่นิด รอบตัวผมดูมืดดำไปหมด
เกิดอะไรขึ้น?” ผมถามเสียงแห้งผาก
ไอ้พวกเด็กแว้น...พี่เกือบชนกับพวกนั้นแล้วใครคนหนึ่งตอบมา
นี่ยังดีนะที่หักหลบทัน...แถวนี้ยิ่งเกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ ด้วยจากไอ้พวกเด็กนรกพวกนั้นทั้งนั้นแหละส่วนใหญ่
ขาดคำนั้นก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ และเมื่อเห็นผมไม่เป็นอะไร ต่างก็แยกย้ายกันไปทำงาน เพราะคนที่มามุงส่วนใหญ่ก็เป็นพนักงานของปั๊ม และพนักงานร้านสะดวกซื้อที่เปิดอยู่ด้วยกัน จะมีคนขับรถบรรทุกที่มาจอดงีบอยู่บ้างประปราย
ผมตัดสินใจขับรถเข้าไปจอดในปั๊ม และสำรวจตรวจตราความเสียหาย อย่างที่กะไว้ว่าสภาพรถคงยับเยินจากการถูกไม้เบสบอลตีกระหน่ำ แล้วก็ไม่พลาด ผมทอดถอนใจมองสภาพรถอย่างหมดอาลัยตายอยาก หมดกันอุปกรณ์ทำมาหากินของผม
คืนนั้นผมตัดสินใจพักรถอยู่ที่ปั๊มแห่งนั้นจนเช้า เพราะผมไม่อยากเสี่ยงกับที่จะเจอกับพวกเด็กแว้นพวกนั้นอีก เมื่อเช้าแล้วผมตัดสินใจกลับไปที่บ้านของดำเพื่อบอกเรื่องที่นพทำไว้กับผมเมื่อคืน
เป็นอย่างที่คิดไว้ นพไม่เชื่อเรื่องที่ผมบอกแถมยังปฏิเสธที่จะช่วยเหลือ ผมไม่เคยโกรธเพื่อนเท่านี้มาก่อน
ระวังไว้นะไอ้ดำ...เวรกรรมมันจะสนองแก
ผมบอกแล้วออกมาจากที่นั่นทันที จากนั้นทั้งผมและดำก็ขาดการติดต่อกันไป
ถัดจากนั้นสามปี ผมได้มีโอกาสพบดำอีกครั้งในสภาพดำผอมอมทุกข์ผิดจากดำคนเดิมเป็นอย่างมาก ด้วยเวลาที่ผ่านมานานมากทำให้ความโกรธเคืองในใจผมลดลงไป และเข้าไปทักทายดำ เมื่อเห็นผมดำพูดอยู่แต่ว่า
เราขอโทษนะเพื่อน...เราเชื่อแล้วว่าเวรกรรมมีจริง
เขาบอก เมื่อผมถามถึงลูกๆ ของเขา เขายิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม
นาวตายแล้วเขาบอก ผมถึงกับตกใจ
ทำไมล่ะ?” ผมถามถึงสาเหตุ
ฮือ...ไอ้นพมันขับชนน้องสาวตัวเอง เพราะคิดว่าเป็นเด็กคนอื่น แกได้ยินมั้ย...ไอ้นพมันขับรถชนน้องสาวตัวเอง
ผมอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่นึกว่าดำจะต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายขนาดนี้กัน
แล้วนพล่ะ
ไอ้นพมันรับไม่ได้ที่มันชนน้องสาวตัวเองตาย มันเสียสติไปแล้ว...มันบ้าไปแล้ว...ตอนนี้มันอยู่ในโรงพยาบาลบ้า ได้ยินมั้ย...ไอ้นพมันบ้าไปแล้ว...
เขาบอกพร้อมกับร้องไห้ออกมา ผมเฝ้ามองดำอย่างเศร้าใจกับเสียงที่เขาพร่ำบอกซ้ำๆ

เวรกรรมมันมีจริงๆ ฉันเชื่อแล้ว...ว่าเวรกรรมมันมีจริงๆ เชื่อแล้ว...เชื่อแล้วจริงๆ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น